วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตั้งเซ่งจั้ว

ตำนานขนมเปี๊ยะ ตั้งเซ่งจั้ว” ของดีเมืองบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา


แหล่งท่องเที่ยวกับของฝากย่อมเป็นของคู่กันเสมอมาและเสมอไป ฉะเชิงเทรา
หรือรู้จักกันในชื่อเรียกว่า แปดริ้ว” ของฝากที่ขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้น มะม่วง
และ ถ้าไม่ใช่หน้าของมะม่วงเราจะซื้ออะไรไปฝากคนที่บ้านล่ะ เพื่อนๆหลาย ๆ คน
คงคิดแบบนี้ ผมขอแนะนำขนมเปี๊ยะ ตั้งเซ่งจั้ว” ของดีเมืองบางคล้าไปเป็น
ของฝากคนที่บ้านกันครับ ก่อนอื่นขอเกริ่นประวัติของทางร้านค่าวๆปก่อนนะครับ -
จุดเริ่มต้นร้าน ตั้งเซ่งจั้ว” จากการถ่ายทอดของ ปิยะพร ตันคงคารัตน์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัทฮกแอนด์ซันส์จำกัด ในฐานะทายาทรุ่นที่ ผู้ดูแลธุรกิจร้านขนมเปี๊ยะ ตั้งเซ่งจั้ว” เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2475 หรือ 76 ปีที่แล้ว อากง (ฮก แซ่ตั้ง) อพยพ
หนีความแล้งแค้นมาจากเมืองเหยี่ยวเพ้ง ใกล้กับเมืองซัวเถา ประเทศจีน นอกจาก
เสื่อผืนหมอกใบแล้ว อากงยังพกพาฝืมือทำขนมเปี๊ยะตั้งแต่สมัยเป็นลูกจ้างร้านขนมเปี๊ยะมาด้วย เมื่อมาอยู่เมืองไทยได้เปิดร้านอยู่ที่ตลาดบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม เวลานั้น บางคล้าเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ทำมาค้าขายกันแค่ในท้องถิ่น อีกทั้ง
มีร้านขายขนมเปี๊ยะอยู่หลายเจ้า กิจการของร้าน ตั้งเซ่งจั้ว” จึงอยู่ในระดับพอมี
พอกิน เลี้ยงดูภรรยา และลูกๆ อีกคนได้เท่านั้น

ทว่า จุดเปลี่ยนครั้งแรกที่ส่งให้ธุรกิจของขนมเปี้ยะจากบางคล้ารายนี้ เริ่ม
ลืมตาอ้าปากได้อย่างจริงจัง เกิดขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่ยุคทายาทรุ่นราว พ.ศ.2518
เมื่อรัฐบาลไทยสร้างถนนเส้น 304 กรุงเทพฯ -อรัญประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางผ่าน
จากบางคล้าไปสู่ตลาดชายแดนอรัญประเทศได้สะดวก ซึ่งเวลานั้นชาวกัมพูชาอพยพจากปอยเปตมาอยู่จำนวนมาก เกิดตลาดการค้าที่คึกคักอย่างจริงถือเป็นช่องทางให้ทายาทร้านตั้งเซ่งจั้วเห็นโอกาสบรรทุก
ขนมเปี๊ยะไปขาย ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าไปในตัว จากเหตุการณ์นี้เองทำให้มีการเปิดตลาดที่ชายแดน ช่วยเพิ่มยอดขายจากเดิมถึง เท่าตัว
โดยลูกค้ากว่า 80% เป็นชาวเขมร นอกจากนั้น ยังสร้างชื่อให้ขนมเปี๊ยะจากบางคล้าเป็นที่รู้จัก
ของคนทั่วไป


ปัจจุบัน ตั้งเซ่งจั้ว” มีขนมเปี๊ยะหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกสรรและมีการขยายออกไป สาขา ในจังหวัดฉะเชิงเทรา บรรยากาศในร้านสาขาถนน 304
มีการแบ่งออกเป็น โซน โซนแรกเป็นโซนร้านของเล่น โซนกลางเป็นโซนร้าน
ของฝาก และ โซนขวามือเป็นโซนร้านกาแฟ เหมาะกับการถ่ายรูปและนั่งสบายๆ
เป็นอย่างมาก ใครแวะเวียนมาฉะเชิงเทราก็อย่าลืมขนมเปี๊ยะ ตั้งเซ่งจั้ว” ของดี
เมืองบางคล้ากันนะครับ

วัดสมาน

ประวัติวัดสมานรัตนาราม
ปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงวัดสมานรัตนารามแล้ว  ไม่มีใครไม่รู้จัก  เพราะเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยว ตลอดถึงพ่อค้าประชาชน และนักแสวงบุญทั้งหลาย ทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันเข้าทำบุญที่วัดไม่ขาดสาย เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีพุทธศาสนิกชนเข้ามาที่วัดนี้จำนวนนับหมื่นคนทีเดียว
สิ่งที่เป็นแรงดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาในวัดนี้  นอกจากความสงบร่มรื่น และทิวทัศน์ที่สวยงามภายในวัดแล้ว  บรรยากาศอันสวยงามของแม่น้ำบางปะกงที่ทอดผ่านยาวสุดตา ป่าต้นจากเขียวชอุ่ม
ณ ฟากตรงข้าม ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ชวนหลงใหล  ประกอบกับมีร้านค้าอาหารไว้คอยบริการในยามหิวมากมาย ไม่ต้องรอคิว แถมยังมีร้านขายของฝากที่ สามารถเลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่สำคัญสูงสุดและเป็นเป้าหมายของผู้คนที่เดินทางมาที่วัดสมานรัตนารามแห่งนี้ คือ องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทรงไว้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์และสามารถประสิทธิ์ประสาทพรแก่ผู้ที่มากราบสักการะให้สำเร็จผลในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ  ซึ่งมีผู้เข้ากราบสักการะแล้วสมหวังมากมายจนเป็นที่เลื่องลือ

นอกจากพระพิฆเนศแล้วยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้เข้ามาสามารถเข้ากราบสักการะขอพรได้อีกมากมาย อาทิเช่น หลวงพ่อโต พระประธานในพระอุโบสถหลังใหม่, หลวงพ่อองค์ดำ, หลวงพ่อประทานพร, พระโพธิสัตว์กวนอิม, พระราหู, พระอินทร์ทรงช้าง, จระเข้โหราเทพารักษ์, พ่อปู่ฤๅษี (พ่อแก่)เป็นต้น


วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตลาดครองสวน100ปี

                                    ตลาดคลองสวน 100ปึ



                               พบกับสินค้ามากมาย อาหารไทย ขนมไทย และบันยากาศไทยๆ


                         

                           
"ตลาดคลองสวนร้อยปีี" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวฉะเชิงเทรา ที่รู้จักและนิยมของนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพื้นที่บริเวณนี้เป็นรอยต่อระหว่าง ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา กับ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ หรือที่ชาวบ้านแถวนั้นจะเรียกว่า "ตลาดคลองสวน"
หมายเหตุ :
- ตลาดคลองสวนเปิดทุกวัน 08.00-16.00น. ถ้ามาวันธรรมดาพ่อค้าแม่ค้าจะน้อย แต่ร้านดังๆส่วนใหญ่จะเปิด เพราะเป็นคนท้องถิ่นอาศัยอยู่ที่ตลาด
- เทศบาลตําบลคลองสวน โทร.0-2739-3253, 0-2739-3329



วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

ตลาดบ้านใหม่


ตลาดบ้านใหม่ สถานที่ถ่ายภาพยนตร์และละครยอดนิยม แหล่งอาหารอร่อยแห่งเมืองแปดริ้ว ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตลาดบ้านใหม่ เป็นตลาดเก่าอายุกว่า 100 ปี เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อ สายจีน เมื่ออดีตสถานที่แห่งนี้มีความคับคั่งด้วยผู้คนที่มาประกอบอาชีพค้าขาย รวมทั้งเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้า สำคัญของ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะดูได้จากอาคารบ้านเรือนที่ปลูกสร้างติด ๆ กัน และอยู่ชิดริมน้ำ วันเวลาผ่าน พ้นไปนานแต่ความสำคัญของตลาดริมน้ำแห่งนี้ก็ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั้น คือ อายุสถานที่ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และยังคงสถาพเหมือนครั้ง รุ่นคุณปู่คุณย่าอาศัยพำนักอยู่ ซึ่งคน สมัย ณ ปัจจุบันจะได้ทราบเรื่อง ราวต่าง ๆ และชมภาพได้จากภาพยนตร์และละครย้อนยุค ของชุมชนชาวไทยจีน ที่เข้า มาถ่ายทำที่ตลาดบ้านใหม่แห่งนี้ เช่น ละครเรื่องอยู่กับก๋ง, เจ้าสัวสยาม ภาพยนตร์เรื่องนางนาค ฯลฯ นอกจากตลาดบ้านใหม่เป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์และละครยอดนิยมแล้ว ยังเป็นแหล่งอาหารอร่อย ขนมและของขบเคี้ยวนานาชนิดเป็นที่รวบรวมอาหารรสเด็ด ของแปดริ้ว ทั้งอาหารจีน อาหารไทย ที่มีรสชาติตาม มาตรฐานอาหารของแต่ละชาติ มีร้านกาแฟโบราณรสชาติเข้มข้นหอมหวาน เป็นที่รวบรวมของฝากที่ต้องแวะซื้อ เป็นของฝากก่อนกลับบ้านทุกครั้ง
สิ่งที่น่าสนใจในตลาดบ้านใหม่
1. บรรยากาศความคลาสิคและบ้านแบบโบราณ
สามารถสัมผัสบรรยกาศได้ตลอดสองข้างทางที่เดินเยี่ยมชมตลาดบ้านไม้2. แวะชิมอาหารและขนมอร่อยๆ
มีให้ชิมกันตลอดทาง เช่น ข้าวห่อใบบัวร้านครูลี ไฮศครีมโบราณ กุ้งเผา หอยเผา ปลาเผา กุยช่าย ขนมตาล ถุงทอง กะล่อจี้ ห่อหมกย่าง


3.ร้านป้าหนู ร้านอาหารชื่อดังแห่งตลาดบ้านใหม่

4. ร้านตาลมะพร้าว ร้านที่ขายผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ผลิตภัณฑ์งานฝีมือคุณภาพที่ออกแบบและประดิษฐ์ได้อย่างสร้างสรรค์ มีให้ เลือกหลายรูปแบบ ทั้งกะลามะพร้าวรูปสัตว์ โคมไฟ และยังมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อเลือกหากลับไปฝาก คนสนิทอีกด้วยนอกจาก นี้หากได้มาร้านตาลมะพร้าวสิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือ แวะชิมผัดไทโบราณรสเด็ด พร้อมน้ำผลไม้ปั่นต่างๆโดยเฉพาะน้ำมะนาวที่คอนเฟริมว่าอร่อยเด็ดต้องสั่งเพิ่มอีก แก้ว ร้านนี้จะตั้งอยู่ท้ายๆ ของตลาดบ้านใหม่

5. ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชามต่อชาม ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของตลาดบ้านใหม่ จุดเด่นของร้านนอกจากรสชาติความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวเรือแล้ว การตกแต่ง ร้าน ที่คลาสสิคไม่เหมือนใคร เช่น การนำหม้อ โบราณสีฟ้ามาใส่กระดาษทิชชู หรือ การตกแต่งหน้า ร้านด้วยการนำเครื่องเทศต่างๆ มาใส่ขวดโหลแล้ววางโชว์ไว้ หากใครได้มาเที่ยวตลาดบ้านใหม่คงไม่พลาดที่จะ แวะมาชิมก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติอร่อย พร้อมนั่งกินบรรยากาศแบบโบราณแต่แฝงไปด้วยไอเดียที่เห็นแล้วจะ อดยิ้ม ไม่ได้

6. ร้านตำเคียงน้ำ อีก ร้านน่านั่งเห็นตลาดบ้านใหม่ ชื่อของร้านก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าเมนูเ๋ด็ดของร้านนี้คงหนีไม่พ้นอาหารประเภท ตำรวม ทั้งยำ ที่ผู้ชื่นชอบอาหารรสจัดๆ ไม่ควรพลาดที่จะมาชิม แถมร้านก็นั่งสบายอยู่ติดริมแม่น้ำกินยำ และตำไป ก็กิน บรรยากาศริมน้ำคุ่กันไปด้วย ร้านตำเคียงน้ำจะตั้งอยู่เกือบท้ายตลาด ก่อนถึงสะพานปูน

7.ร้านกาแฟแป๊ะเอ๋ย


8. ร้านกาแฟเฮียคุณ




อย่าลืมแวะมาเยือนกันเด้อ








วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

สวนปาล์ม ฟาร์มนก

สวนปาล์ม ฟาร์มนก ฉะเชิงเทรา
 สถานที่ท่องเที่ยวฉะเชิงเทรา ที่กำลังมาแรงขณะนี้ ถ้าไม่เอ่ยถึง "สวนปาล์มฟาร์มนก" คงจะเอ้าท์ตกขอบแน่ๆเลยใช่มั้ยคะิิ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ทีมงานสวัสดีแปดริ้ว.คอม จะพาไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปเดินเล่นชมนกน่ารักๆ พร้อมกันเลยคับ


สวนปาล์มฟาร์มนกแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่มากกว่า 100ไร่ โดยเริ่มต้นจากท่าน ดร.โภคิน พลกุล เป็นผู้ก่อตั้ง วัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ และอนุรักษ์สายพันธุ์นกแก้วมาคอว์ รวมทั้งสัตว์ปีกสวยงาม สายพันธุ์ต่างๆ ที่หาดูได้ยากจากทั่วโลก โดยท่านมีความชอบส่วนตัวในนกแก้วมาคอว์ สายพันธุ์จากต่างประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เริ่มแรกเดิมทีได้เลี้ยงไว้ดูเล่นเป็นการส่วนตัวที่บ้าน จนวันหนึ่งท่านเห็นในความน่ารักและแสนรู้ของนกเหล่านี้ จึงอยากจะเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์ รวมถึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ไว้ให้หลายๆคนได้ชื่นชมเช่นเดียวกันการดำเนินงานของที่สวนปาล์มฟาร์มนกแห่งนี้ จะแบ่งออกเป็นโซนๆ เพื่อความชัดเจนในการดูแล และเพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งโซนหลักๆจะมี โซนนกหรือสัตว์ปีกโซนสวนปาล์ม และโซนรีสอร์ท ซึ่งแต่ละโซนจะมีความสวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียว แต่เนื่องจากสถานที่กว้างมากๆ ดังนั้นจึงมีบริการให้เช่า "รถกอล์ฟ และ รถจักรยาน" แก่นักท่องเที่ยวด้วย



วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

ตลาดน้ำบางคล้า

ตลาดน้ำบางคล้า
ตลาดน้ำบางคล้า ตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงของอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีลักษณะเป็นโป๊ะที่ยื่นลงสู่แม่น้ำ บางปะกงและมีการค้าขายสินค้าทางเรือโดยส่วนมาก โดยมีการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างหลากหลาย ทั้งยังเป็น สินค้าที่ผสมผสานความเป็นไทยในอดีตกับปัจจุบัน ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นหีบห่อของ อาหารที่ทำจากใบตอง ภาชนะใส่เครื่องดื่มทำจากดินปั้นเป็นต้น มีอาหารให้เลือกครบคาวหวาน เช่น ส้มตำ หมูสะเต๊ะ ห่อหมก กุ้งเผา ปลาเผา ปลาหมึกย่าง ขนมจาก กะหรี่ปั๊บ และขนมไทย

ตลาดน้ำบางคล้า จัดตั้งขึ้นภายใต้นโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของคณะผู้บริหารเพื่อเป็นการกระตุ้น เศรษฐกิจ ของอำเภอบางคล้าโดยส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งทางเทศบาล ตำบลบางคล้าได้เตรียมการรองรับตลาดน้ำบางคล้าโดยจัดมีการฝึกอบรมอาชีพแก่ประชาชน เช่นบริการนวดเพื่อ สุขภาพ การทำอาหารและทำขนมการประดิษฐ์ของที่ระลึก เป็นต้นซึ่งสามารถนำไปใช้ประกอบ อาชีพจริงและ สร้างรายได้จริง

ตลาดน้ำบางคล้า ยังมีความพิเศษในเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เป็น ป่าชายเลนที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลา พันธุ์ไม้ต่าง ๆ หรือแม้แต่วิถีชีวิตของชาวบ้าน ริมฝั่งแม่น้ำที่มีการดักลอบปลาหรือพายเรือจับปลา จับกุ้ง เป็นต้น







นอกจากนี้ที่ตลาดน้ำบาคล้า มีบริการนั่งเรือเที่ยวแม่น้ำบางปะกงรอบเกาะลัด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าบริการ สำหรับการเหมาลำ 300 บาท 10 คน ถ้าไปแบบเดี่ยวคิดราคาผู้ใหญ่ 69 บาท เด็ก 30 บาท โดยนอกจากจะได้ สัมผัสชีวิตริมน้ำแล้ว เรือยังแวะจอดที่ วัดโพธิ์-บางคล้า , พระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย ตลาดน้ำบางคล้า เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ 8 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่อเนื่อง




                        อย่าลืมมาแวะเที่ยวกันนะครับ

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

ขนมจากป้านิด

ร้านป้านิดถือว่าเป็นขนมจากที่อร่อยมากๆเลยครับ
ใครที่ไปจังหวัดฉะเชิงเทราต้องลองสักครั้งไม่ลองเหมือนไปไม่ถึง
รับประกันคุณภาพเลยครับผมชิมแล้ว
ขนมพื้นบ้านของฝากเมืองฉะ

และของคู่กับขนมจาก อย่างข้าวหลามก็น่าลองชิม
ใครผ่านไปอย่าลืมแวะชิมกันนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

อุททยานพระพิฆเนศ






อุททยานพระพิฆเนศ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นสถานที่สร้างองค์พระพิฆเณศ หรือพระพิฆเณศวร เนื้อสำริด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางธรรมชาติทางการเกษตรของชาวบ้านในละแวกนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินไทย เนื่องจากประติมากรรมพระพิฆเนศร์องค์นี้มีองค์ประกอบที่โดดเด่น คือ พระหัตถ์ 4 ถือพืชพรรณธัญญาหาร ดังนี้
    1.กล้วย 2.ยอดอ้อย 3.ขนุน 4.มะม่วง และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว ซึ่งมีความหมาย คือ ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน

   
 ประวัติความเป็นมา
    จากพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนหนึ่งความว่า
"...ชนใดหวังข้ามอุปสรรค พึงพำนักพิฆเนศนาถา
สำเร็จเสร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆนะจัญไร..."

    พระพิฆเนศร์ กำเนิดจากคติความเชื่องของศาสนาฮินดู เมื่อกว่า 4000 ปี ในประเทศอินเดีย คติการบูชาองค์พระพิฆเนศร์มีมาช้านาน ด้วยมีความเชื่อกันว่าท่านเป็นเทพผู้ประทานความสำเร็จ และขจัดอุปสรรคทั้งปวง ทั้งยังเป็นเทพที่แสดงออกถึงความสุข ความปีติ เป็นเทพแห่งความเสรีภาพและสันติสุข เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาโดยตลอด และหากจัดลำดับเทพที่มีผู้เคารพนับถือบูชาแล้ว พระพิฆเนศร์ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก ทั้งในอินเดีย และประเทศต่างๆ นับสิบประเทศ คติความเชื่อเรื่องพระพิฆเนศร์ มีปรากฏเป็นหลักฐานในทวีปเอเซีย และแถบอุษาคเนย์ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มานับพันปี ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงความเคารพไม่เสื่อมคลาย

    คนไทยคุ้นเคยกับบรรดาเทพท้งหาลายมาช้านาน แต่ในบรรดาเทพทั้งหมด คนไทยรู้จักพระพิฆเนศร์มากที่สุด เพราะท่านเป็นมหาเทพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีไทยมากจนกล่าวได้ว่า คนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศร์ เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการประกิบพิธีกรรมต่างๆ เป็นตราประจำกรมกองต่างๆ มากมาย แม้แต่พระนามแรกของบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ยังมีนามว่า "กรมหมื่นพระพิฆเนศร์สุรสังกาศ"

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

วัดหลวงพ่อกับความเชื่อ

วัดหลวงพ่อโสธรกับความเชื่อ

     ตั้งแต่เด็กผมเห็นว่ามีคนชอบหิ้วตะกร้าเข้าวัดพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในตะกร้านั่นก็คือไข่ต้ม
 ผมก็แปลกใจว่าทำคนพวกนั้นถึงเอาไข่ต้มมากมายเข้ามาวางข้างหน้าองค์หลวงพ่อทุกวัน
จนวันนึงผมเห็นแม่ต้มไข่มากมายถึง500ฟอง ผมถามแม่ว่าเอาไปแจกใคร แม่บอกป่าวแม่จะเอาไปวัด
ผมก็ถามต่อเลยว่าเอาไปให้ใครใครจะกินหมดพระก็คงฉันไม่หมด แม่บอกอยากรู้ก็ไปด้วยกัน
ภาะที่ผมเห็น แม่เอาไข่ต้มทั้งหมดไปวางจุดทูปแล้วไหว้หลองพ่อ พอเส็จแม่ก็บอกว่าแม่เอามาแก้บน




ไข่ต้มมากมาย"หลวงพ่อจะฉันหมดหรอ"
ทุกวันนี้ผมก็เห็นอยู่เสมอว่ายังมีคนที่เอาไข่ต้มไปวัดมากมายวันๆนึงก็ราวๆหมื่นกว่าใบ แต่ยังไงก็ตามความเชื่อก็คือความเชื่อ





อีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือการรำแก้บนสำหรับผมผมมองในแง้ดีว่าการที่มีนางรำแบบนี้ทำให้เราได้เห็นศิลปะไทยที่กำลังจะหายไปยังมีให้เราได้เห็นบ้าง




วัดหลวงพ่อโสธรยังมีอะไรอีกมากหากใครที่ชอบทำบุญผมว่าได้ไปสักครั้งจะไม่ผิดหวังแนานอนผมเชื่อ
แล้วใครที่อยากขอพร อย่าลืมไข่ต้อมกับนางรำนะครับ

เขื่อนบางประกง

                                       เขื่อนบางประกง

               

          โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกง เป็นโครงการที่จัดสร้างขึ้นตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำบางปะกง ซึ่ง ครม. มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2533 ให้ก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำบางปะกงเป็นโครงการเร่งด่วนลำดับที่ 1 ของรัฐบาล ในการเสนอขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลญี่ปุ่นโดย JICA (Japan International Cooperation Agency) ได้ให้ความช่วยเหลือในด้านการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบรายละเอียดแบบให้เปล่า
           ลุ่มน้ำบางปะกงเป็นลุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่สำคัญในภาคตะวันออก คลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครนายก, ปราจีนบุรี, และ สระแก้ว มีลำน้ำสาขาสำคัญสองสาย คือ แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำปราจีนบุรี ไหลมาบรรจบกันที่บริเวณอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี และไหลรวมเป็นแม่น้ำเดียวกันชื่อแม่น้ำบางปะกง จากจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายรวมระยะทางไปจนถึงปากแม่น้ำที่อำเภอ บางปะกง ประมาณ 120 กิโลเมตร (ระยะตามลำน้ำ) พื้นที่ลุ่มน้ำรวมทั้งสิ้นเท่ากับ 17,660 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 11 ล้านไร่ ปริมาณฝนที่ตกลงในลุ่มน้ำและรวมตัวกันไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงประมาณ 7,930 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี การพัฒนาเท่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำไว้มีความจุรวมประมาณ 781 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จึงยังคงมีปริมาณน้ำอีกจำนวนมหาศาลที่ยังมิได้นำมาใช้ประโยชน์ ขณะที่พื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ นอกจากจะต้องพัฒนาทางด้านการเกษตรกรรมและจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคแล้ว ยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย

  หากใครที่จะไปวัดสมารเขื่อนนี้จะเป็นทางผ่าน แต่ความสวยงามมั่นใจเลยว่าถึงกับต้องแวะถ่ายรูปกันเลยทีเดียว


วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

เมืองฉะ

จังหวัดฉะเชิงเทรา
 คำขวัญประจำจังหวัด
 "แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต   พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร
พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย       อ่างฤๅไนป่าสมบูรณ์"
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดฉะเชิงเทรา "ฉะเชิงเทรา" เป็นชื่อที่ใช้ในทางราชการ ส่วน "แปดริ้ว" เป็นภาษาท้องถิ่นที่ชาวบ้านใช้เรียกกันมาช้านาน ซึ่งชื่อ "แปดริ้ว" นั้นเราจะได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่เล่ากันมา บ้างก็ว่าที่ได้ชื่อว่าเมืองแปดริ้ว ก็เพราะขนาดอันใหญ่โตของปลาช่อนที่ชุกชุมเมื่อนำมาแล่ จะต้องแล่ถึงแปดริ้ว หรือไม่ก็ว่ามาจากนิทานพื้นบ้านเรื่อง "พระรถเมรี" เล่าว่ายักษ์ฆ่านางสิบสองแล้วชำแหละศพออกเป็นชิ้น ๆ รวมแปดริ้ว ทิ้งลอยไปตามลำน้ำท่าลาด

ฉะเชิงเทรามีเนื้อที่กว่า 5,000 ตารางกิโลเมตรหรือกว่า 3 ล้านไร่ อาณาเขตของจังหวัดติดกับนครนายกและปราจีนบุรีทางทิศเหนือ ชลบุรีและจันทบุรีทางทิศใต้ ปราจีนบุรีทางทิศตะวันออก และกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และปทุมธานีทางทิศตะวันตก

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฉะเชิงเทราบ้านเราเอง


จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรานั้นมีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเกาะจำนวน 1 เกาะ คือ เกาะกลางที่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง






มีหลวงพ่อพระพุทธโสธร 

(เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา ) ตอนเด็กๆแม่ผมบอกว่าหลวงพ่อท่าลอยน้ำมา ผ่านมาหลายวัดไม่มีใครอันเชิญท่านขึ้นมาได้จนมาถึงวัดที่ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันก็วัดหลวงพ่อโสธรแหละครับ ท่านหยุดแล้วทุกคนก็ทำพิธีก็เอาท่านขึ้นมาจากน้ำอย่างง่าย แต่ผมก็ไม่รู้นะครับว่านั้นคือเรื่องจริงหรือป่าว แต่ผมไม่คิดที่จะหาคำตอบใหม่อีกแล้ว เพราะผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กว่าท่านลอยทวนนำมาที่นี่ และเลือกปกปักฉะเชิงเทราแห่งนี้ ให้สงบสุข อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของบ้านเรา

ฉะเชิงเทรายังมีอะไรอีกเยอะ


นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ครั้งต่อไปจะพาไปเจาะลึกอะไรเด่นอะไรดังได้รู้แน่